ยังมีการเปิดตัว Lightship VPS ควบคู่ไปกับเครือข่ายโซเชียลใหม่ ซึ่งทาง Niantic เป็นผู้พัฒนาและบุกเบิกระบบดังกล่าว เพื่อเป็นตัวอย่างให้นักพัฒนาอื่น ๆ ต่อไป

วันนี้เป็นวันแรกของการประชุมสุดยอด Lightship Summit ของ Niantic ซึ่งเป็นงานประจำปีที่จัดขึ้นเป็นเวลา 2 วันเพื่ออุทิศให้กับชุมชนนักพัฒนา AR (ความจริงเสริม) ระดับนานาชาติ บริษัท เริ่มต้นสิ่งต่าง ๆ อย่างคึกคักเมื่อเช้านี้ด้วยการประกาศที่น่าตื่นเต้นมากมาย รวมถึงการเปิดตัวระบบกำหนดตำแหน่งการมองเห็นของ Lightship อย่างเป็นทางการ หรือเรียกสั้นๆ ว่า “VPS”

niantic-campfire-sample

ย้อนกลับไปในปี 2564 ที่บริษัทได้เผยแพร่ Lightship Augmented Reality Developer Kit ให้กับนักพัฒนาทั่วโลก ในระหว่างงานวันนี้ทางบริษัทได้เปิดตัว Lightship VPS อย่างเป็นทางการ ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถยึดประสบการณ์ AR ดั้งเดิมของตนไปยังตำแหน่งเฉพาะในโลกแห่งความเป็นจริง และติดตามทั้งตำแหน่งและทิศทางด้วย “ความแม่นยำระดับเซนติเมตร” โดยทางบริษัทได้รวบรวมการสแกนจากผู้พัฒนา นักสำรวจ และผู้เล่นที่มีอยู่ และใช้ข้อมูลที่รวบรวมเพื่อเริ่มสร้างแผนที่ AR เมื่อรวบรวมข้อมูลในสถานที่เฉพาะเพียงพอแล้ว Niantic สามารถเปิดใช้งานได้บน Lightship VPS เพื่อให้นักพัฒนาสามารถเริ่มพัฒนาประสบการณ์ AR ตามตำแหน่งของตนเองสำหรับตำแหน่งดังกล่าว ระบบทำงานเพื่อรองรับ Lightship SDK ซึ่งอนุญาตให้ผู้ใช้หลายคนเข้าถึงเนื้อหา AR พร้อมกันได้

โดยทางบริษัทได้เปิดเผยว่าความต้องการของระบบทั้งหมดคือเฟรมเดียวจากกล้องสมาร์ทโฟนของผู้ใช้เพื่อระบุตำแหน่งเฉพาะของพวกเขา ปัจจุบัน Lightship VPS รองรับสถานที่ 30,000 แห่งใน 6 เมืองใหญ่ ได้แก่ ซานฟรานซิสโก ลอสแองเจลิส ซีแอตเทิล นิวยอร์ก ลอนดอน และโตเกียว บริษัทมีแผนจะขยายไปยัง 100 เมืองทั่วโลกภายในสิ้นปีนี้ เพื่อช่วยสนับสนุนชุมชนนักพัฒนา AR ที่กำลังเติบโต บริษัทได้เปิดตัวโซเชียลเน็ตเวิร์กชื่อ Campfire ที่นี่ผู้ใช้สามารถค้นพบกิจกรรมใหม่ เชื่อมต่อกับผู้เล่นในพื้นที่ของตน และจัดการพบปะของตนเองในโลกแห่งความเป็นจริง ขณะนี้แคมป์ไฟพร้อมให้บริการใน Ingress บริษัทวางแผนที่จะขยายการสนับสนุนไปยังประสบการณ์ทั้งหมดในอนาคตอันใกล้นี้

niantic-campfire-ui

เจ้าตัว Lightship VPS นี้จะใช้งานได้ฟรีในระยะเวลาจำกัด ก่อนที่จะเปลี่ยนไปใช้ระบบชำระเงินพร้อมฟีเจอร์การสร้างรายได้และการจัดจำหน่าย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกาศทั้งหมดนั้นสามารถติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ทาง Blog ของบริษัทต่อได้ตามลิงค์ที่แปะเอาไว้ด้านล่างนี้เลยครับ ซึ่งเราก็ต้องมาติดตามกันต่อไปว่าระบบดังกล่าวจะยอดเยี่ยมขนาดไหนกัน

niantic-campfire

ข้อมูลเพิ่มเติม -> nianticlabs.com