Unreal Engine รุ่นล่าสุดเพิ่มการรองรับ Vulkan สนับสนุนการทำงานบน Oculus Quest

เกมไหนใช้ Unreal Engine ออกแบบก็น่าจะสวยขึ้นกว่าเดิม

Unreal Engine ถือว่าเป็นโปรแกรมออกแบบและสร้างเกมชื่อดังระดับโลก ที่หลายๆสตูดิโอ นำมาใช้พัฒนาเกมของตัวเอง โดยมีการสนับสนุนของ API ต่างๆ และล่าสุดได้ประกาศว่าจะมีการรองรับ Vulkan บน Oculus Quest เพื่อให้เกมที่พัฒนาออกมานั้นมีความไหลลื่นและสวยงาม รวมไปถึงการติดตามของระบบต่างๆบนตัวแว่นเช่นกัน ซึ่งจะมีการทยอยรองรับอุปกรณ์อื่นๆให้ทั่วกันภายในปี 2019

Oculus-Audio-System

Vulkan เป็น API รองรับการแสดงผลที่พัฒนาขึ้น โดยมาเข้ามา OpenGL ที่เริ่มจะเก่าแล้ว ซึ่งประวัติการพัฒนานั้นจะต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงต้นปี 90 ที่ผ่านมา โดยกลุ่ม Khronos ที่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ไม่แสดงหาผลกำไร ซึ่งมีบริษัทใหญ่ๆเข้ามาสนับสนุนมากมาย ไม่ว่าจะเป็น NVIDIA, AMD, Intel, Facebook และ Google โดยที่ระบบการทำงานนั้นจะมีความคล้ายคลึงกับ DirectX 12 บน Windows แต่จะทำงานในรูปแบบ LLAPI สำหรับระบบ Android บน Oculus Quest และ Oculus GO ทำให้การทำงานของ GPU และ CPU ภายในตัวแว่นนั้นทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และตัว Engine นั้นจะได้ใช้ประโยชน์ของ CPU ในรูปแบบ Multicore ได้อย่างเต็มที่ ลดอาการ Overhead ของอุปกรณ์ให้ต่ำลง และจะทำให้เราสามารถเล่นเกมที่มีความซับซ้อนได้มากขึ้นนั่นเอง

vulkan-logo

ซึ่งระหว่างการพูดคุยกันในงาน GDC 2018 เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว ว่าทาง Oculus ต้องการที่จะนำเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อมาสนับสนุนให้กับอุปกรณ์ตัวเอง โดยผ่านการอัปเดต Driver ต่างๆ จนกระทั่งเดือนสิงหาคม 2018 ก็ได้มีการปล่อย SDK ออกมา แต่ก็ยังไม่มีการรองรับมากเท่าที่ควร ก่อนที่จะไปพัฒนาซอฟต์แวร์ต่างๆ เพิ่มเติมก่อนที่จะอัปเดทอีกครั้งไปเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้การเล่นเกมและทำงานกับโปรแกรมที่ใช้ Engine ดังกล่าวนั้นทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนั้นแล้วทาง Facebook ยังได้ทำการทดสอบผ่าน Epic Vulkan ว่า API ดังกล่าวช่วยให้สามารถแสดงผลของเฟรมได้เร็วขึ้น หรือช่วยลดระยะเวลาแสดงผลจาก 16ms เป็น 13ms และยังสามารถ Render HDR ได้อีกด้วย

vulkan-unreal-engine-4-test

สำหรับการอัปเดตครั้งนี้ น่าจะช่วยให้เกมต่างๆ แสดงผลได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งหลายๆคนที่เล่นก็อาจจะไม่รู้ตัวเลยก็ได้ว่าเกมที่เล่นอยู่นั้นเป็นอย่างไร แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี สำหรับผู้ใช้ Oculus Quest และ Oculus GO นอกจากนั้นแล้วทาง Unity ก็จะนำเทคโนโลยีตัวนี้มาใช้งานด้วย ภายในปี 2019 และก็น่าจะครอบคลุมบรรดาเกมและโปรแกรมต่างๆมากขึ้น ต่อไปเชื่อว่าน่าจะมีบรรดาบริษัทต่างๆที่พัฒนาเทคโนโลยีเสริมการทำงานแบบนี้ อัปเดตเข้ามามากขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้อุปกรณ์เหล่านี้ทำงานได้ดีมากขึ้นนะครับ