แว่น VR ก็ยังไม่เว้น งานนี้เหล่าผู้ใช้งานจะต้องระมัดระวังในการใช้งานมากกว่า เพราะ Malware ของเหล่าแฮกเกอร์สามารถเอาข้อมูลของคุณไปได้ง่ายๆ

ไม่ว่าจะแพลตฟอร์มไหนๆ เหล่าแฮกเกอร์ก็สามารถงัดกลเม็ดทุกวิธีในการเข้ามาล้วงเอาข้อมูลของผู้ใช้งานได้เสมอ ไม่เว้นแม้กระทั่งแว่น VR โดยเฉพาะตัวสแตนอโลน เพราะตอนนี้มีบริษัทรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์เจ้าหนึ่งได้ออกมาให้ข่าวว่าในตอนนี้ มีเหล่าแฮกเกอร์ที่พัฒนามัลแวร์ที่สามารถฝังอยู่ภายในตัวแว่นของผู้ใช้งานและดูดเอาข้อมูลภายในเพื่อไปใช้ในทางที่ไม่ดีได้แล้ว

โดยทางนักวิจัยของ ReasonLabs ซึ่งเป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ชั้นนํากล่าวว่า แฮกเกอร์ได้พัฒนามัลแวร์ VR รูปแบบใหม่สําหรับแว่นเสมือนจริงที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android เช่น Meta Quest ที่ช่วยให้พวกเขาบันทึกหน้าจอของคุณได้ ซึ่งมัลแวร์ที่ว่านี้จะใช้ชื่อว่า Big Brother ที่มีระบบการทํางานด้วยการที่มากับไฟล์ติดตั้งภายนอกหรือมาจากการเข้าเว็บไซต์ที่ไม่พึงประสงค์และเข้ามาอยู่เฉยๆ ในระบบเพื่อรอให้อุปกรณ์ที่เปิดใช้งานโหมดนักพัฒนา หลังจากนั้นจะทำการเชื่อมต่อซึ่ง ณ จุดนั้นโปรแกรมจะเปิดพอร์ต TCP และบรรดาเหล่าแฮกเกอร์ก็สามารถสามารถบันทึกเซสชัน VR ของคุณได้จากระยะไกลเมื่อใดก็ตามที่แว่นเสมือนจริงของเรายังคงเชื่อมต่อกับเครือข่าย WiFi เดียวกันกับพีซีที่ติดไวรัสในตอนแรก

malware-big-brother-reasonlabs

ทางด้าน RealityLabs ได้ตั้งข้อสังเกตว่ามีบริษัทที่ใช้โหมดนักพัฒนาเพื่อเรียกใช้แอปที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตนเองสําหรับพนักงานและลูกค้า นอกจากนี้ยังต้องใช้โหมดนักพัฒนาเพื่อทำการไซด์โหลดเกม VR และแอปไปยังอุปกรณ์ต่างๆ เช่น Meta Quest และด้วยเหตุนี้มัลแวร์ตัวนี้จึงเป็นภัยคุกคามที่สําคัญต่ออุปกรณ์ VR ทุกประเภทไม่ว่าจะเป็น Meta Quest, HTC Vive และอีกหลายค่าย ซึ่งทางบริษัทก็ได้ออกมาเตือนเพื่อให้ผู้ใช้งานได้เข้าใจถึงความเสี่ยงในการเปิดโหมดนักพัฒนาบนตัวแว่น เพราะจะทำให้มัลแวร์ดังกล่าวสามารถดูดข้อมูลของผู้ใช้งานไปได้จนเกลี้ยง

สำหรับแนวทางการป้องกันในปัจจุบันแบบล่าสุดก็คือการปิดโหมดดังกล่าวและใช้งานตามปกติเหมือนกับที่มาจากโรงงาน แต่ในระหว่างนี้คาดว่าบริษัทด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ก็น่าจะกำลังคิดค้นวิธีการกำจัดมัลแวร์ตัวนี้กันอยู่ ยังไงก็ตามทีมงาน SiamVR ก็ขอเป็นกระบอกเสียงสำหรับการแจ้งข่าวนี้ เพื่อให้ทุกท่านได้ใช้งานกันอย่างระมัดระวังกันด้วยนะครับ