VR และ AR มีการทุ่มงบมหาศาลของบริษัทระดับโลก อย่าง facebook, Google และ Sumsung

ด้วยเงินมากกว่า 765 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการลงทุนพัฒนา AR และ VR

บริษัทเหล่านี้กำลังอยู่ในแถวหน้า

แน่นอนว่า VR จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ถ้ามันไม่มีราคาและคุณภาพที่ดี สมัยนี้ใครๆก็ต้องการของคุณภาพดีที่ถูกทั้งนั้น หรือในกรณีนี้ สิ่งที่สามารถทำให้คุณสัมผัสอีกซีกโลกหนึ่งได้โดยที่คุณไม่ต้องออกจากบ้าน แอนเดรสเซ็น-โฮโลวิซ ก็เป็นอีกคนที่คิดเช่นนั้น เขาจึงได้พยามประมูลเงินของตัวเองให้  Oculus ในราคา 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ธันวาคม 2013) ทุกอย่างกำลังเป็นไปได้ดีจนกระทั่งไม่กี่เดือนต่อมา มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก Facebook ได้ซื้อ Oculus มาในราคาเพียง 2.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น

แต่ถึงอย่างนั้น ก่อนที่จะเกิดการประมูล Oculus ได้พยามหาวิธีที่จะทำให้ผู้ใช่ไม่เกิดอาการมึนขณะใช้ โดยการลงทุน VR ครั้งนี้เริ่มต้นที่ 16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และหลังจากผ่านการจ้างนักพัฒนาผู้มีศักยภาพ Oculus ก็สามารถแก้ปัญหานั้นได้ในที่สุด ด้วยความช่วยเหลือของ Valve

ณ ตอนนี้จะว่าว่าพวกเรามาถึงครึ่งทางแล้วก็ได้ แต่การพัฒนาปัญหาก็ยังคงมีต่อไป ทำให้นักคิดค้นเริ่มหันไปมองถึงปัญหาอื่นๆมากขึ้น รวมถึงเงินจำนวนมากที่ถูกโยเข้าไปใช้ในการแก้ปัญหานั้นๆ แล้วถ้าไม่ใช่ปัญหาที่ว่าทำให้ผู้ใช้มึน ก็คงเป็นปัญหาการสร้างความสุขให้ผู้ใช้

จากการรายงานล่าสุดของอุตสาหกรรม รวมถึง Greenlight VR พวกเราได้ใช้เวลาเป็นระยะ 5 ปีในการทดสอบ ยังไม่รวมถึงเวลาที่ใช้เพื่อซื้อกิจการ โดยรวมแล้วนักพัฒนามากกว่า 166 คน ได้ลงทุนไปแล้วมากกว่า 765 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ถึงอย่างนั้น มันก็เป็นสัญญาณที่ดีว่าเรามีการตื่นตัวในการพัฒนาเทคโนโลยีให้ก้าวหน้าเร็วขึ้น

และนี้ก็เป็นบริษัทที่พัฒนา VR อันดับ ต้นๆนักลงทุนต่างฝากความหวังไว้กับพวกเขา (ไม่นับบริษัทที่ซื้อกิจการ,จัดอันดับโดยบริษัทที่รายรับมากอยู่อันดับต้นๆ)

 

Magic Leap

เงินลงทุน:

  • $50 ล้านในเดือนกุมภาพันธ์
  • โดย Google $542 ล้านในเดือนตุลาคม 2014

Magic Leap

ผู้ที่วางเงินก้อนโตให้กับ Magic Leap นั้นไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็น Google นั่นเอง นอกจากนี้พวกเขายังเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนา VR Headsets ในปัจจุบันที่มาพร้อมกับ light field solution ส่วนประโยชน์ของตัว light field ก็คือมันสามารถฉายภาพที่ตามองเห็นซ้ำได้ ทำให้ผู้ใช้สามารถมองเห็นได้ดีกว่าเดิม ในระหว่างที่ Oculus กำลังถูกพัฒนาเพื่อให้ใช้ได้กับ Smartphone และออกแบบเครื่องมือเสริมที่ใช้ได้กับคอมพิวเตอร์ Magic Leap ก็ควรที่จะคิดค้นสิ่งที่สามารถทำให้ตัว light field solution มีความน่าสนใจขึ้นด้วย

 

Matterport

เงินลงทุน:

  • $30 ล้านในเดือนมิถุนายน
  • $56 ล้าน

Matterport

Matterpot ได้ทำรายได้ไป $4,500 จากการขาย 3D-sensing camera และ แสนอ/ออกแบบซอฟต์แวร์ VR เพียงเท่านี้ Matterpot ก็ได้แสดงถึงความสามารถในการพัฒนาไปจนเรียกได้ว่าดีแล้ว และนอกจากที่กล่าวไปข้างต้น Matterpot ก็เตรียมตัวที่จะทำ VR บนโทรศัพท์โดยตลาดที่พวกเขากำลังจะเจาะเข้าไปนั้น เรียกได้ว่าสามารถเรียกผลกำไรมากมายกันเลยทีเดียว

 

Razor

เงินทุน:

  • $50 ล้านในปี 2011 (นักลงทุนนิรนาม) โดย Intel Capital

Razer

Razor หรือบริษัทฮาร์ดแวร์เกมส์ ที่ผลิตสิ่งต่างๆที่อาจจะอยู่รอบๆตัวคุณตอนนี้ เช่น แป้นพิมพ์,เมาส์,ตัวบังคับ และ แล็ปท็อป

ในปีนี้ CES ของ Razor ก็ได้เป็นอีกหนึ่งที่เข้าสู่โลกแห่งการพัฒนา VR โดยมีโปรเจคก็คือ Open Source Virtual Reality (OSVR) ซึ่งเป็นโปรเจเกี่ยวกับการจัดตั้งคุณภาพระดับชั้นให้กับ VR แต่ถึงแม้โปรเจคจะยังไม่ทันได้เริ่ม ก็ถูกหุ้นส่วนยักษ์ใหญ่เข้ามาขอร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็น Ubisoft และ Unity

Razor จึงได้ปล่อย Hacker Dev Kit จากโปรเจคข้างต้น ออกมาวางตลาดในราคา $299.99

 

Jaunt

เงินทุน:

  • $35 ล้าน
  • $27.5 ล้านในปี 2014

Jaunt

ในปี 2013 Jaunt คือหนึ่งในนักแข่งขันของสนาม VR และพร้อมด้วยบริษัทอย่าง Google กล้องที่มีความคมชัดอันเป็นเอกลักษณ์ซึ่งนามว่า Neo ก็ได้เปิดตัวออกมาเมื่อเร็วๆนี้นี่เอง

โดย Jaunt มีหวังที่จะเจาะตลาดใหญ่ระดับภพยนต์จอยักษ์ และด้วยโปรเจคของพวกเขา พวกเขาก็ได้สร้าง Jaunt Studio ขึ้นมา

 

Improbable

เงินทุน

  • $20 ล้านในเดือนมีนาคม 2015 โดยมีผู้ลงทุนกลุ่มเดียวกันกับ Oculus

Improbable

Improbable กำลังดำเนินการ และพัฒนาสิ่งต่างๆที่จะช่วยให้โลกสี่มิติเป็นจริง และสิ่งที่พวกเขาต้องการจะให้มันอยู่ในโลกสี่มิตินั้นก็คือ พฤติกรรม การติดต่อสื่อสารกับหน่วยงานต่างๆ ในโลกข้างหลังแว่นตานั้น ทำให้พวกเขาสามารถไปหาในสิ่งๆที่พวกเขาเกินกว่าจะจินตนาการได้ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลง การสำรวจ การสร้างภาพนั้นๆขึ้นมา

โดย Improbable ได้เตรียมการใหญ่อย่างการคิดที่จะเข้าซื้อกิจการอย่าง Facebook ไว้แล้ว และถ้าพวกเขาทำ VR สำเร็จ พวกเราหวังว่าบริษัทเกมส์อย่า Oculus หรือ Magic Leap จะใช้ข้อมูลบางส่วนของพวกเขามาพัฒนาให้ดีขึ้น ใครๆก็ชอบเกมส์ดีๆใช่มั้ยล่ะ

 

WEVR (WemoLab)

เงินทุน:

  • การลงทุนมีขึ้นในเดือนกรกฏาคม ในปี 2015 ซึ่งนั่นก็หมายความว่า Vive-maker HTC ร่วมเป็นหุ้นส่วน โดยการประมูลส่วนแบ่ง 15% ในราคาเริ่มต้นที่ $10 ล้าน ก่อนจะจบลงด้วยการประมูลในรอบที่ 7 ในราคา $18.6 ล้าน

WemoLab หรือนักพัฒนา VR ใน Los Angeles รวมถึง บริษัท TheBlu

โดยทั้งสองบริษัทนี้ได้ทำโปรเจคที่ประสบความสำเร็จร่วมกับ Adult swim และโปเจคนั้นก็คือ HTC Vive demos,Virtual Brainload อย่างไรก็แล้วแต่ในปัจจุบัน WEVR มีหวังที่จะทำ VR เกี่ยวกับระบบนิเวศน์สมจริง ด้วยเงิน $1 ล้าน

 

High Fidelity

เงินลงทุน:

  • $17.5 ล้าน
  • $11 ได้จาก Series B ในเดือนกุมภาพันธ์

High Fidelity ก่อตั้งขึ้นโดยนักสร้างจาก Second Life หรือ ฟิลลิปส์ โรสเดร์ล

โรสเดร์ลมีความคิดที่จะ “เปิดโลกทัศน์ใบใหม่สำหรับโลก” ใน VR และถ้าพวกเราดูจากคำพูดของเขาแล้ว High Fidelity มีแนวโน้มที่จะทำ VR ไปในทางสื่อเกมส์ แอพพลิเคชั่นสร้างสรรค์ การศึกษา และการสำรวจ

 

Nod Lazbs

เงินลงทุน:

  • โดยรวมทั้งหมด $16 ล้าน
  • $13.5 ล้านจาก Series A ในเดือนมิถุนายน

Nod Labs

พวกเขากำลังสร้างอุปกรณ์สำหรับ VR ด้วยสิ่งสำคัญ 3 อย่างในคลังของพวกเขา โดยสิ่งสำคัญเหล่านั้นก็คือระบบ Backspin, Nod ring และ casual motion capture นั่นเอง และลูกทมของ Nod ก็เรียกได้ว่ามีศักยภาพอันน่าเกรงขามพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นคนที่ได้เกียรติ์ว่าจบด็อกเตอร์ หรือ ผู้เชี่ยวชาญทางเลขและวิทยศาสตร์ ที่จบวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์มาจากมหาลัยดังๆ เช่น Stanford, Carnegie Mellon, MIT USC หรือมีชื่ออยู่ใน Google, Apple, NASA

 

AltspaceVR

เงินลงทุน:

–  $15.7

–  $10.3 ล้านจาก Series A ในเดือนกรกฎาคม  

AltspaceVR

AltspaceVR กำลังคิดค้นในส่วนของการใช้ VR แบบไม่มี Headsets เพื่อที่ผู้ใช้จะได้ใช้แบบไม่ต้องมีอุปกรณ์จำพวก Rift ก็สามารถเข้าใช้ได้ หรือก็คือการสร้างเว็บไซต์ที่แข็งแรง พร้อมที่จะทำให้คุณได้ทำสิ่งต่างๆมากมาย อย่างเช่นการดูวิดีโอร่วมกับผู้อื่น

Virtuix

เงินลงทุน:

–            $1.1 ล้าน(ลงทุนเมื่อตอนเริ่มต้นสร้าง)

–            $7.5 ล้านจากการประมูล

Virtuix

การเคลื่อนไหวในโลกของ VR นั้นยังคงเป็นปัญหาสำหรับหลายบริษัท แต่สำหรับที่นี่พวกขาได้ทำลู่วิ่ง หรือ Omni ซึ่งถ้าเราเดินบนลู่วิ่งในชีวิตจริง จะทำให้การเคลื่อนไหวนั้นถูกโอนเข้าไปในเกมส์ ทำให้เมื่อเราเดิน ตัวละครในเกมส์จะเดินด้วย

Omni ถูกวางขายในราคา $699.99 ซึ่งสามารถสั่งซื้อได้แล้ววันนี้

NextVR

เงินลงทุน:

–            $5 ล้าน ในเดือนกรกฎาคม 2014

NextVR

NextVR ได้อยู่ในขั้นตอนการพัฒนาการถ่ายทอดสดและ การจับภาพ ซึ่งมันจะทำให้คุณเสมือนอยู่ติดขอบสนามเทนนิสกันเลยทีเดียว และเนื่องจากทางเราได้มีโอกาสดูการทดลองภาพการถ่ายทอดสดของ US open จาก NexVR เราจึงสามารถพูดได้ว่าถ้าคุณต้องการจะดูกีฬาดีอย่างจุใจแล้ว คุณก็ควรที่จะเลือกใช้ NextVR

 

Merge VR

เงินลงทุน:

–            $2.5 ล้าน

Merge VR

สิ่งที่พวกเขาทำก็คือการทำภาพ VR ใน ios และ Android ให้ใช้ได้กับ C9-axis fusion และ เซนเซอร์การจับภาพเคลื่อนไหว ซึ่งมันจะทำให้ Merge VR เข้าใกล้ Gear VR มากกว่า Google Cardboard

Reload Studios

เงินลงทุน:

–            $2 ล้านในเดือนมิถุนายน 2014

Reload Studios

RS กำลังอยู่ในช่วงสร้าง VR เกมส์ ซึ่งเกี่ยวกับ World war toon (เป็นมุมกล้องแบบ First person) โดยมีผู้ก่อตั้งที่มีศักภาพทางเกมส์และภาพเคลื่อนไหวอย่าง เจมส์ ชัง พร้อมกับนักพัฒนาคุณภาพจากเกมส์ Call of Duty และผู้กำกับภาพเคลื่อนไหวดีกรี Disney อย่าง นิค ราเนียร์ริ (ผู้กำกับ Aladdin,Hercules)

Worldviz

เงินลงทุน:

–            $2-3 ล้าน โดย Intel ในเดือนพฤษภาคม 2015

–            $1 ล้าน (2014)

WorldViz

Worldviz ได้สร้างเลือกใหม่ในการฝึกฝนโดยใช้ VR นอกจากนั้น Worldviz ยังเป็นผู้สร้าง  Vizard VR Toolkit ซึ่งเปรียบเสมือนเครื่องยนต์ของ VR

Worldviz ได้ใช้สิ่งที่เรียกว่า vizmove sinv complete VR system (ระบบ VR ชนิดสมบูรณ์) ซึ่งทำให้ผู้ใช้ของ VR แบบที่สภาพแวดล้อมใกล้เคียงกับจินตนาการมากที่สุด

 

VRvideo

เงินลงทุน:

–            $1.8 ล้าน

VRideo

VRvideo หรือเว็บไซต์สำหรับ VR และ 360-video พวกเขามีความตั้งใจที่จะทำให้ VR ใช้ได้กับเว็บไซต์บน Desktop HMDs เหมือนกับที่ใช้บนแอ็พพลิเคชั่น Gear VR

 

ที่มา: uploadvr