VR will turn Bran Stark in Game of Thrones
ในซีรีส์เรื่อง Game of Thrones ที่พึ่งฉายจบ Season 7 ไปนั้นจะมี 1 ตัวละครที่สามารถใช้พลังในการสิงเหล่าสัตว์ต่างๆและให้ทำตามคำสั่ง รวมไปถึงการย้อนเวลาเพื่อตามหาบางสิ่งบางอย่างได้นั่นคือ Bran Stark หรืออีกา 3 ตานั่นเอง โดยตัวละครตัวนี้พลังที่คล้ายคลึงกับเทคโนโลยี Virtual Reality ในปัจจุบันกันอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ดังนั้นทีมงาน SiamVR จะเอาพลังของเขามาเปรียบเทียบกับความสามารถของเทคโนโลยี VR กันดูครับว่าจะทำอะไรได้บ้าง
**หัวข้อนี้มี Spoils ใครที่ยังดูไม่จบทั้ง 7 Seasons โปรดไปชมให้จบก่อนครับ
เทคโนโลยี VR กับการเดินทางข้ามเวลา
ปัจจุบันนี้มีแอพพลิเคชั่นเกี่ยวกับการย้อนอดีตไปยังสถานที่ต่างๆให้เราได้เลือกเล่นกันมากมายอย่างเช่น Unimersiv ซึ่งเราสามารถเข้าไปอยู่ในสถานที่ดังกล่าว ณ ช่วงเวลานั้นได้เหมือนกับ Season 6 ที่ Bran Stark ได้ใช้พลังอีกาสามตาย้อนเวลาไปยัง Tower of Joy และได้พบความจริงที่ว่า Jon Snow ไม่ใช่ลูกนอกสมรสของ Ned Stark แต่เป็นลูกของ Rhaegar Targaryen กับ Lyanna Stark โดยในช่วงเวลานั้น Bran ยังเป็นวุ้นอยู่เลยนะจะบอกให้
เทคโนโลยี VR ทำให้เราบินได้
ถ้าพูดถึงการบินในโลกเสมือนจริงต้องบอกว่ามีแอพฯให้เลือกเล่นเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น Eagle Flight ของค่าย Ubisoft หรือจะเป็นวีดีโอ 360 ที่ใช้ภาพถ่ายจาก Drone หรือกล้องติดกับนก จึงทำให้ผู้เล่นนั้นสามารถมองเห็นภาพมุมมองเดียวกับนกได้เช่นเดียวกัน ซึ่งความสามารถนี้ไปคล้องจองกับพลังของ Bran Stark ที่สามารถสิงฝูงอีกาเพื่อบินดูลาดเลาของกองทัพ White Walker ที่เดินทัพมายัง The Wall ได้ด้วย
เมื่อมีดีย่อมมีร้าย เพราะเทคโนโลยี VR อาจจะเป็นดาบ 2 คม
ทุกอย่างในโลกนี้ย่อมมีด้านดีและด้านเสียเสมอ เพราะความสามารถของอีกา 3 ตานี่แหละที่ทำให้ Bran เกือบตายอยู่ในแดนเหนือมาแล้ว ซึ่งเทคโนโลยี VR นั้นหากนำไปใช้ในด้านที่ดีก็จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถนำไปต่อยอดเพื่อสร้างมูลค่าได้แต่ถ้าหากนำไปใช้ในทางที่ผิดก็อาจจะเป็นอาชญากรรมทางไซเบอร์ได้เช่นเดียวกันครับ
สำหรับหัวข้อนี้อาจจะดูเป็นการสปอยส์เนื้อหาของซีรีส์ไปเล็กน้อย แต่ถ้าใครดูจบแล้วก็ลองเปรียบเทียบความสามารถและเทคโนโลยีนี้กันดูนะครับ แล้วจะพบคำตอบเองว่ามันเหมือนกันจริงๆ ถ้าใครอยากลองเป็นอีกา 3 ตาดูก็ลองหาแว่น VR มาใช้งานกันและก่อนจะไป ขอฝากวิดีโอเปิดตัวของ Game of Thrones แบบ VR เอาไว้ให้ชมกันด้วยครับ
